ประสบการณ์การฝึกงานที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก ประเทศชิลี

ประสบการณ์การฝึกงานที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก ประเทศชิลี

วันที่นำเข้าข้อมูล 13 ก.ค. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 14 ต.ค. 2565

| 1,671 view

             ประเทศชิลีเป็นประเทศที่มีลักษณะเด่นและแตกต่างทางด้านภูมิศาสตร์จากประเทศอื่น ๆ โดยตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของภูมิภาคลาตินอเมริกามีพรมแดนยาวกว่า 4,270 กิโลเมตร ถือเป็นประเทศที่มีความยาวมากที่สุดในโลก แต่มีความกว้างเพียง 177 กิโลเมตรเท่านั้น โดยมีเทือกเขาแอนดีสซึ่งเป็นเทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลกโอบล้อมประเทศชิลี  ทั้งยังมีสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งมีทั้งทะเลทรายในทางตอนเหนือ และธารน้ำแข็งทางตอนใต้ของประเทศ 
            ประเทศชิลีมีระยะทางที่ห่างจากประเทศไทยเป็นอย่างมาก รวมถึงความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อม อีกทั้งเป็นประเทศที่ชาวไทยได้มีโอกาสไปเยือนไม่มากนัก ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่คุณศิโรรัจน์  โรจน์วัฒนกุล (ตาล) สนใจที่จะเดินทางไปประเทศชิลี โดยได้มีโอกาสฝึกงานที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก เป็นระยะเวลา 2 เดือน วันนี้ เรามาทำความรู้จักชิลีและเรื่องเล่าประสบการณ์การใช้ชีวิตในภูมิภาคลาตินอเมริกากับคุณตาลกันครับ

ทำไมถึงได้มีโอกาสฝึกงานที่ชิลี
            ในช่วงที่ดิฉันเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดิฉันสนใจที่จะไปฝึกงานในภูมิภาคลาตินอเมริกา ในขณะเดียวกัน ดิฉันทราบมาว่าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก ได้มีนโยบายรับนักศึกษาฝึกงาน ที่สำคัญคือทางสถานทูตฯ ได้จัดหาครอบครัวอุปถัมป์ (Host Family) ที่เป็นคนท้องถิ่นให้กับนักศึกษาฝึกงานด้วย  และยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ใช้ชีวิตในชิลีและท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกา ดิฉันจึงได้สมัครเข้าร่วมฝึกงานที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ค่ะ  

Host Family ที่ไปอยู่ด้วยเป็นอย่างไรบ้าง
            สถานเอกอัครราชทูตฯ มีความร่วมมือกับโครงการ American Field Services (AFS) ในการจัดหา
Host Family ให้กับนักศึกษาฝึกงานได้พักอาศัยกับคนท้องถิ่นเพื่อแลกเปลี่ยนทั้งด้านวัฒนธรรมและภาษา
โดยดิฉันได้อาศัยอยู่กับ Host Family ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 4 คน และยังเคยมีประสบการณ์เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน AFS ในต่างประเทศด้วย จึงสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี  โดย Host Family ได้พาดิฉันทำกิจกรรมและพาไปสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในชิลี  ซึ่งทำให้ดิฉันได้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นซึ่งแตกต่างจากมุมมองนักท่องเที่ยวค่ะ

                                        สมาชิกครอบครัวอุปถัมป์ (Host Family)
 
โดยภาพรวมแล้ว ชิลีเป็นอย่างไรบ้าง
         
เมืองที่ดิฉันอยู่คือกรุงซันติอาโก เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในชิลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ประกอบด้วยประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 6 ล้านคน กรุงซันติอาโกเป็นเมืองที่มีลักษณะคล้ายเมืองใหญ่ในยุโรปมากค่ะ ทั้งด้านสถาปัตยกรรมอาคารต่าง ๆ ที่มีความสวยงาม อีกทั้ง ในช่วงที่ดิฉันอยู่ในชิลีนั้น เป็นช่วงฤดูหนาวซึ่งอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม อุณหภูมิประมาณ 1 - 2 องศาเซลเซียส ซึ่งแตกต่างจากทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนนั้นเอง

        

           กรุงซันติอาโกยังมีระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมทั่วทั้งเมือง มีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ดิฉันเดินทางด้วยระบบรถบัสและรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังสถานเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที อีกทั้ง มีราคาค่าโดยสารที่ไม่แพงนัก เช่น ระบบรถไฟใต้ดิน ไม่ว่าจะนั่งกี่สถานี จะคิดเป็นราคาเดียว อย่างไรก็ตาม หากเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วน รถไฟฟ้าใต้ดินจะแน่นอย่างมาก ซึ่งก็ไม่ต่างจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT  ในกรุงเทพฯ นั้นเองค่ะ
          เรื่องที่ดิฉันประหลาดใจคือ อาหารชิลี ซึ่งส่วนใหญ่มีรสชาติเค็มมาก อีกทั้งชาวชิลีนิยมใส่เกลือเพิ่มเข้าไปในอาหาร เช่น เสต็กเนื้อ ยังต้องใส่เกลือเพิ่มอีกเหมือนกัน แต่หากเราลองเทียบกับอาหารไทยแล้วนั้น ถึงแม้ส่วนใหญ่จะมีรสชาติที่เผ็ดอยู่แล้ว แต่ชาวไทยยังนิยมใส่พริกเพิ่มเติม ซึ่งนี้ก็เป็นความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมด้านอาหารอีกแง่หนึ่งค่ะ ส่วนอาหารจานโปรดของดิฉันคือ Empanada มีลักษณะคล้าย ๆ กับกะหรี่ปั๊บค่ะ และยังเป็นอาหารพื้นเมืองของชิลีและในภูมิภาคลาตินอเมริกาอีกด้วย
     

การฝึกงานที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เป็นอย่างไรบ้าง
            ดิฉันได้รับมอบหมายงานให้ติดตามข่าวสารและทำรายงานสรุปเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในชิลี ดิฉันยังได้มีโอกาสทำงานด้านแผนกทำหนังสือเดินทาง (passport) ให้กับคนไทยที่อาศัยอยู่ในชิลี ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก โดยดิฉันมีหน้าที่ตรวจและรวบรวมเอกสารต่าง ๆ สำหรับการทำหนังสือเดินทางและถ่ายรูป นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ งานออกบูธกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย ซึ่งดิฉันได้รับมอบหมายให้แต่งชุดไทยเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับผู้เข้าร่วมงานได้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยหากดูข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวชิลีที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยในปี 2558 มีจำนวนประมาณ 17,000 คน และนับเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและกำลังในการซื้อสูงนั้นเองค่ะ
            นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังมีกิจกรรมไปเยือนพื้นที่ต่างจังหวัดของชิลีเพื่อสอนอาหารไทยให้กับนักเรียนชาวชิลีในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ดิฉันและคณะเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ได้สาธิตการทำอาหารไทยต่าง ๆ เช่น แกงเขียวหวาน ส้มตำ ขนมปังหน้าหมู โดยได้รับความสนใจจากนักเรียนชาวชิลีเป็นอย่างมากค่ะ นับได้ว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ทั้งวัฒนธรรมและอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวชิลีอีกทางหนึ่งค่ะ

    กิจกรรมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย กับท่านเอกอัครราชทูตสาโรจน์ฯ     

ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวในชิลีและประเทศอื่น ๆ ที่ไหนบ้าง
          นอกจากประสบการณ์การฝึกงานที่สถานเอกอัครราชทูตฯ แล้ว การได้เที่ยวในภูมิภาคลาตินอเมริกาก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการเดินทางในครั้งนี้อีกด้วยค่ะ ดิฉันได้วางแผนโดยเริ่มการเดินทางจากกรุงซันติอาโก ขึ้นไปทางตอนเหนือของชิลีเพื่อไปยังเมือง San Pedro de Atacama หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของชิลี จุดเด่นของเมืองนี้ คือทะเลทรายค่ะ โดยมีภูเขาล้อมรอบ สภาพค่อนข้างแห้งแล้ง แต่เห็นอย่างนี้ ก็เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากค่ะ มีทั้งจากยุโรปและในลาตินอเมริกา จากนั้นได้เดินทางไปยังเมือง Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย จุดเด่นของที่นี้คือ ทะเลสาบเกลือขนาดประมาณ 10,500 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นทะเลสาบเกลือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและมีความสวยงามอย่างมาก  จากนั้นได้เดินทางไปประเทศเปรูเพื่อเยี่ยมชมมาชูปิกชู หนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่  โดยเป็นกลุ่มอาคารที่แสดงอารยธรรมของชาวอินคาในอดีตซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูงจึงมีความสวยงามอย่างมาก และดิฉันประทับใจที่แห่งนี้มากเลยค่ะ

           


           จุดหมายปลายทางสุดท้ายของการเดินทางในครั้งนี้คือ นครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของบราซิล ดิฉันได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ชายหาด Copacabana ชายหาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก รูปปั้นพระเยซู ที่ตั้งอยู่บนยอดเขากอร์โกวาดู โดยรูปปั้นมีความสูงถึง 38 เมตร และยังเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย สถานที่แห่งนี้นับเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของนครริโอเดอจาเนโร สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งคือ เขตพื้นที่สลัม Favel de Rocinha เป็นย่านชุมชนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว และยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง Fast Furious

                                   
      
            ตลอดระยะเวลาการฝึกงานที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ระยะเวลา 2 เดือน ดิฉันได้เรียนรู้ทั้งในด้านการทำงาน และได้มีส่วนร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตฯ ในการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ทั้งวัฒนธรรม อาหาร สถานที่ท่องเที่ยวของไทยให้ชาวชิลีได้รู้จักประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาคลาตินอเมริกา และได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่สวยงาม ซึ่งนับเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจเป็นอย่างมากค่ะ

                                          *************************

                                                                                           สัมภาษณ์โดย นายวนรัตน์ จันทร์เพชร
                                                                         เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยกลุ่มงานโครงการตามยุทธศาสตร์
                                                                                                            กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้

  

 

 

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ