วันที่นำเข้าข้อมูล 21 ก.ค. 2562
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565
ชาวเม็กซิกันมีเทศกาลที่คล้ายกับเทศกาลเช็งเม้งของคนจีน เรียกว่า Día de los Muertos (ดีอา เด โลส มูเอร์โตส) หรือ Day of the Dead หรือวันผู้วายชนม์ ซึ่งตรงกับวันที่ 3 พฤศจิกายนของทุกปี เชื่อกันว่าวิญญาณของบรรพบุรุษจะกลับมายังโลกอีกครั้งในวันนี้ ผู้คนจึงจัดโต๊ะไหว้บรรพบุรุษ เพื่อให้ครอบครัวได้รวมญาติและฉลองร่วมกัน โดยเริ่มเฉลิมฉลองกันตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมจนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน
การตกแต่งในช่วงเทศกาลวันผู้วายชนม์
- โต๊ะไหว้บรรพบุรุษ (ofrenda) ประดับด้วยดอกดาวเรือง (cempasúchil) เรียงเป็นประตูทางโค้ง เชื่อกันว่าเป็นประตูที่เชื่อมต่อระหว่างพิภพของคนเป็นกับคนตาย และมีแสงเทียนสว่างไสวช่วยนำทาง
- หัวกะโหลก (calavera) เป็นสัญลักษณ์สำคัญในเทศกาลนี้ มีทั้งที่เป็นของตกแต่งโต๊ะไหว้ที่ทำจากดินเผาและแบบที่กินได้ซึ่งทำจากน้ำตาล
- กระดาษแกะลาย (papel picado) เป็นงานฝีมือที่ใช้ตกแต่งตามช่วงเทศกาลต่าง ๆ ในเม็กซิโก ทั้งวันปีใหม่ วันสำคัญทางศาสนา วันชาติ วันผู้วายชนม์ วันเกิด และงานเลี้ยงต่าง ๆ โดยลวดลายที่แกะจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละเทศกาล
มาที่ตำนานการสร้างเม็กซิโกซิตี้กันบ้าง
เม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองหลวงของประเทศเม็กซิโก สร้างโดยชาวแอซเท็กที่ออกเดินทางตามคำทำนายว่า ให้สร้างเมืองในสถานที่ที่ “นกอินทรีจิกงูบนต้นกระบองเพชร” เมื่อชาวแอซเท็กเดินทางมาพบสถานที่ดังกล่าวจึงได้สร้างเมือง ณ บริเวณที่เป็นเม็กซิโกซิตี้ในปัจจุบัน โดยภาพนกอินทรีจิกงูบนต้นกระบองเพชรยังอยู่ในธงชาติเม็กซิโกอีกด้วย
สุนัขพันธุ์ชีวาวาเป็นสุนัขมีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดจากประเทศเม็กซิโก สันนิษฐานกันว่าชีวาวาสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขพันธุ์เตชีชี (Techichi) ที่ชาวโตลเต็ก (Toltec) นิยมเลี้ยงกันเมื่อหลายพันปีก่อน โดยชาวโตลเต็กเป็นชนเผ่าที่พูดภาษานาวาตล์ (Nahault) อาศัยอยู่บริเวณประเทศเม็กซิโกตอนกลางในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10-12
ชาวแอซเท็ก (Aztec) เชื่อว่าช็อคโกแลตเป็นอาหารจากทวยเทพ ทว่าช็อคโกแลตของชาวแอซเท็กนั้นแตกต่างจากช็อคโกแลตที่เรารับประทานกันทุกวันนี้ ชาวแอซเท็กทำช็อคโกแลตด้วยการนำเมล็ดโกโก้บดผสมกับน้ำและเติมพริกไทยเข้าไปทำให้มีรสขม เรียกกันว่า ‘xocolatl’ (โชโกลัตล์) แปลว่า น้ำที่มีรสขม ในภาษานาวาตล์
เม็กซิโกซิตี้ ได้รับเลือกเป็นเมืองหลวงแห่งการออกแบบของโลก (World Design Capital) ประจำปี ค.ศ. 2018 จาก World Design Organization (WDO) โดยเมืองที่ได้รับคัดเลือกต้องมีความโดดเด่นด้านการออกแบบเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมถึงมีนโยบายการจัดการเมืองที่ยั่งยืนด้วยการออกแบบ การพัฒนาสิ่งแวดล้อมและใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
เม็กซิโกซิตี้ถือเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องความแออัด มลพิษ และการจราจรติดขัด เนื่องจากเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก (21.6 ล้านคน) ทำให้ทุกภาคส่วนต่างร่วมกันสนับสนุนการออกแบบเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อาทิ โครงการจักรยานสาธารณะ Ecobici การวางระบบรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT) การใช้แอพพลิเคชั่น Traxi เพื่อส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ การจัดการพื้นที่เชิงสร้างสรรค์ และการจัดนิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการออกแบบเพื่อการพัฒนาเมืองมากขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: www.mfa.go.th/aspa/th/articles/9161/92009-เม็กซิโก ซิตี้-เมืองหลวงแห่งการออกแบบโลก-ปี-2018.html
เตกีลา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดกลั่นดีกรีแรง (ประมาณ 40-110 ปรูฟ หรือ 35-55 ดีกรี) มีต้นกำเนิดที่เมืองเตกีลา ประเทศเม็กซิโก ส่วนประกอบหลักของเตกีลาคือ ว่านอะกาเว ซึ่งเจาะจงว่าจะต้องเป็นพันธุ์สีฟ้า-เขียวเท่านั้น ว่านอะกาเวมีลักษณะคล้ายป่านศรนารายณ์ เมื่อคั้นน้ำจากว่านอะกาเวแล้วนำไปหมักและกลั่น จะได้เตกีลาที่มีลักษณะเป็นแอลกอฮอล์ใส และหากใช้ระยะเวลาในการหมักนานขึ้นก็จะมีสีที่เข้มขึ้น เตกีลามีรสขมคล้ายวอดก้า (vodka) แต่นุ่มกว่า นิยมดื่มพร้อมมะนาวและเกลือ หรือนำไปผสมในค็อกเทลชนิดต่าง ๆ เช่น มาร์การิต้า (margarita) และมาร์ตินี (martini) เป็นต้น
เม็กซิโกซิตี้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี ค.ศ. 1968 ถือเป็นการจัดโอลิมปิกครั้งแรกในภูมิภาคลาตินอเมริกา นับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1896 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ หลังจากนั้นได้มีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเป็นครั้งที่ 2 ในภูมิภาคลาตินอเมริกาที่นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อปี ค.ศ. 2016
การเดินทางจากประเทศไทยไปยังเม็กซิโกใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ต้องแวะพักเปลี่ยนเครื่องอย่างน้อย 1 ครั้ง และจำเป็นจะต้องมีวีซ่า ผู้ที่จะเดินทางไปเม็กซิโกสามารถติดต่อขอทำวีซ่าได้ที่สถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทย แต่หากผู้เดินทางมีวีซ่าสหรัฐอเมริกาอยู่แล้วก็สามารถเดินทางเข้าเม็กซิโกได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าและสามารถพำนักอยู่ในเม็กซิโกได้เป็นเวลาไม่เกิน 180 วัน
* * * * *
กลุ่มงานโครงการตามยุทธศาสตร์
กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
กรกฎาคม 2562
วันทำการ: จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)